เปรียบเทียบการทาสีโครงสร้างเหล็กแบบ “แปรง vs จุ่ม”

ทำไมผู้ตรวจสอบอาคารและการคุมงานก่อสร้างต้องให้ความสำคัญ

เทียบการทาสีโครงสร้างเหล็กแบบ “แปรง vs จุ่ม”

 

ในงานก่อสร้างโครงสร้างเหล็ก ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างเสา คาน โครงหลังคา อันเส จันทัน แป ทุกชิ้นส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือการป้องกันสนิม เพราะจุดอ่อนของเหล็กคือสนิม หากเป็นสนิม จะทำให้หน้าตัดโครงสร้างหายไป ทำให้สูญเสียกำลังรับน้ำหนักบรรทุก ถึงขั้นพังลงไปได้

ในการป้องกันสนิม ที่นิยมใช้กันมา เป็นวิธีที่ใช้กันมายาวนาน ก็คือ การใช้สีกันสนิม แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้สีกันสนิม ก็มาวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน ที่เราเห็นกันโดยทั่วไป ก็จะเป็นการทาสีปกติ แต่จริงๆ แล้ว นอกจากการทาสีแล้ว สำหรับโครงสร้างขนาดใหญ่ หรือปริมาณมากๆ การทาสีอาจไม่ต้องโจทย์ เพราะใช้เวลานาน และควบคุมคุณภาพความหนาสีไม่ได้ ก็จะใช้วิธีการอื่น ที่นิยมกันก็คือการ จุ่ม หรือนำเหล็กทั้งชิ้นไปจุ่ม แช่ในสีเลย ซึ่งจะทำให้สามารถเคลือบสีได้ทั่วทุกซอกทุกมุม ควบคุมคุณภาพได้สม่ำเสมอทั้งชิ้น

เรามาลองดูข้อแตกต่างระหว่าง การทาสี ด้วยแปรง และการ จุ่ม ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง


ทาสีด้วยแปรง VS การจุ่มสี

ตารางเปรียบเทียบ “ทาด้วยแปรง” กับ “จุ่ม”

ในงานสีกันสนิมโครงเหล็ก จะมีความต่างทั้งในเชิง หลักการเคลือบฟิล์ม, ความหนาสี, ความสม่ำเสมอ, และ ต้นทุน

หัวข้อทาด้วยแปรง (Brush Coating)จุ่ม (Dip Coating)
หลักการทำงาน ใช้แปรงจุ่มสีแล้วทาลงบนผิวเหล็กทีละชิ้น
ฟิล์มสีเกิดจากการปาด/ปัด
นำชิ้นงานเหล็กทั้งชิ้นจุ่มลงในถังสีหรือสารเคลือบ
ให้ผิวสัมผัสสารเคลือบทั้งชิ้น แล้วดึงขึ้นให้เคลือบทั่ว
ความหนาฟิล์ม (DFT) ประมาณ 30–50 μm ต่อเที่ยว
(ขึ้นกับความชำนาญของช่างและเทคนิคช่าง)
ค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ความหนาโดยเฉลี่ยบางกว่า (20–40 μm)
เพราะสีส่วนเกินไหลกลับ
ความสม่ำเสมอ อาจมีล้มรอยแปรง หรือบางจุดหนาบางไม่เท่ากัน เคลือบทั่วทั้งชิ้นอย่างสม่ำเสมอ
ไม่มีรอยแปรง
ซอกมุม/พื้นที่ซ่อน ยากกว่าการเข้าถึง ทำได้ไม่ดี เข้าถึงซอกมุมโดยอัตโนมัติ
การยึดเกาะและคุณภาพผิว มีแรงยึดเกาะดีหากทำให้ผิวสัมผัสพร้อมชั้นรองพื้นหรือพ่นทราย (sandblasting)
โดยเฉพาะถ้าพื้นผิวมี texture จากการพ่นทราย
การยึดเกาะขึ้นกับการเตรียมผิว คราบน้ำมัน/สิ่งสกปรกอาจทำให้ยึดเกาะลดลง เพราะไม่สามารถพ่นได้หลังเคลือบแล้ว
ข้อดี อุปกรณ์ง่าย ราคาถูก ควบคุมความหนา
แต่ละเที่ยวได้ดี เหมาะงานซ่อมเฉพาะจุด
เคลือบทั่วถึง รวดเร็ว เหมาะงานจำนวนมาก เข้าถึงทุกซอกมุม
ข้อด้อย ใช้เวลานาน ผิวไม่สม่ำเสมอ เข้าซอกมุมยาก ต้องมีถังใหญ่ ลงทุนสูง ควบคุมความหนายาก
ลักษณะหน้างาน ซ่อมเฉพาะจุด งานปริมาณไม่มาก งานผลิตจำนวนมาก
มาตรฐานความหนาอ้างอิง ทาสี 2–3 เที่ยว เพื่อให้ได้ DFT
ตามมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ใช้
จุ่มสี 2 รอบหรือมากกว่าเพื่อให้ได้ความหนาที่ต้องการ

*ความหนาฟิล์ม (Dry Film Thickness หรือ DFT) คือความหนาของชั้นฟิล์มที่เคลือบอยู่บนพื้นผิวหลังจากที่ฟิล์มแห้งสนิทแล้ว

*ความหนาของสีกันสนิมที่เหมาะสม สามารถดูได้ที่ Technical Data ของแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้

*ความหนาของสีกันสนิมจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของสีกันสนิมที่ใช้


สรุปง่ายๆ ก็คือ การจะเลือกใช้วิธีการไหน ก็ขึ้นกับ ความเหมาะสม สภาพหน้างาน ปริมาณ และข้อกำหนดต่างๆ ของแต่ละหน่วยงาน ก็ลองเลือกกันดูนะครับ


ภาพตัวอย่างการตรวจสอบคุณภาพสี

สภาพเหล็กหลังทำการจุ่มสีกันสนิม ตัวสีจะเคลือบทั่วทั้งชิ้นอย่างสม่ำเสมอ


เหตุผลที่ผู้ตรวจสอบอาคารต้องใส่ใจงานสีกันสนิม

การทำงานของผู้ตรวจสอบอาคารไม่ได้มีเพียงการดูรอยแตกร้าวหรือการทรุดตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสอบคุณภาพงานป้องกันสนิมในโครงสร้างเหล็กด้วย เพราะหากการเคลือบสีไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้สนิมเกิดขึ้นได้เร็ว ส่งผลต่อความแข็งแรงของอาคารในระยะยาว

ผู้ตรวจสอบอาคารจึงมีหน้าที่ตรวจสอบความหนาของฟิล์มสี (DFT) ความสม่ำเสมอ และการเข้าถึงซอกมุม เพื่อยืนยันว่าการป้องกันสนิมเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคารและโครงสร้าง


การคุมงานก่อสร้าง เพื่อให้ได้คุณภาพงานสีตามมาตรฐาน

นอกจากการเลือกวิธีการเคลือบสีแล้ว การคุมงานก่อสร้างถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากการควบคุมงานไม่รัดกุม ความหนาของฟิล์มอาจไม่ถึงตามข้อกำหนด ทำให้การป้องกันสนิมไม่มีประสิทธิภาพ

วิศวกรควบคุมงานต้องตรวจสอบขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมผิวเหล็ก (เช่น การพ่นทราย) ไปจนถึงการทดสอบความหนาสีจริงหลังการทาหรือการจุ่ม เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่ส่งมอบเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของโครงสร้าง

การทาสีโครงสร้างเหล็กด้วยแปรงหรือการจุ่ม ต่างมีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน การเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับสภาพหน้างาน ปริมาณงาน และข้อกำหนดของแต่ละโครงการ และไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม การมี ผู้ตรวจสอบอาคาร และการ คุมงานก่อสร้าง อย่างใกล้ชิด จะช่วยให้มั่นใจได้ว่างานสีกันสนิมที่ทำไปนั้นมีคุณภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานอาคาร และลดความเสี่ยงต่อปัญหาโครงสร้างในอนาคต

หากคุณกำลังมองหา ผู้ตรวจสอบอาคาร ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมการบริการทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นงานตรวจบ้านก่อนโอน ตรวจโครงสร้าง ซ่อมโครงสร้าง หรือ คุมงานก่อสร้าง N.S. PLUS ENGINEERING คือผู้ช่วยที่คุณไว้วางใจได้ ด้วยทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์สูง มาพร้อมเครื่องมือทันสมัย และยึดมาตรฐานความปลอดภัยตามกฎหมายโดยตรง

Visitors: 340,130